ข้อมูลทั่วไปตำบลบ้านหวด
เดิมตำบลบ้านหวดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้
โดยเฉพาะไม้สัก ทำให้มีพ่อค้าไม้และเจ้านายฝ่ายเหนือมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้า
และตั้งรกรากจนเป็นชุมชนใหญ่ พื้นเพราษฎรในตำบลเป็นชาวไทยล้านนา
สื่อภาษากันด้วยคำเมือง และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่เอาไว้ เช่น
อัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษปีละ 2 ครั้ง เป็นต้น
คำว่า“หวด” ไม่ใช่อวดเก่งในทางดี
แต่มีความหมายในทางเศรษฐกิจที่คนทางเหนือทุกครัวเรือนจำเป็นต้องมีการใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นคือ
ภาชนะที่ใช้สำหรับนึ่งข้าวเหนียว
เดิมนั้น ตำบลนี้เป็นป่าใหญ่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ยืนต้นมีราคาคณานับ
พรั่งพร้อมล้อมไปด้วยสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ที่ดุร้ายนานาชนิด ทรัพยากรธรรมชาติมีมากที่สุดในบ้านนี้ ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขา ตั้งแต่แพะ – ม่อนดอย
ไปถึงเขาสูงเสียดฟ้าป่าปกคลุมเขียวขจี
มีบรรยากาศเย็นเยือกตลอดฤดูกาล
เล่าสืบๆ
กันมาว่า ณ
ที่นี้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปแสวงหาของป่าเพียงคนเดียวเลยเพราะเสี่ยงต่อการเป็นอาหารของเสือ
หรือถูกช้างเหยียบตายมิได้กลับมาเห็นหน้าลูกเมียเอาง่ายๆ
การไปต้องไปกันเป็นหมู่เป็นพวกและต้องมีปืนผาหน้าไม้พร้าหวดไปด้วย อาหารที่จำเป็นต้องเอาไปที่จะขาดเสียมิได้นั่นคือ
“ข้าวสารเหนียว” ส่วนภาชนะที่ใช้หุงต้มเบื้องแรกมักง่ายใครด่วน
ก็พากันตัดไม้ไผ่มาแล้วตัดเป็นปล้องๆ ใส่น้ำเผาแบบข้าวหลามเลยทีเดียว
ส่วนกับแกล้มนั้นง่ายมากลากปืนเล็กปั้งเดียวเก้งกวางดิ้นแด่ว มีดเชือดขาหลังขาหน้านอกนั้นทิ้งไปไม่ใยดีเท่านี้ก็สบายแฮไปแล้วทั้งพวก
ต่อมาการที่จะมีข้าวกันพอเพียงกับคนที่ไปด้วยกัน จำเป็นต้องใช้ภาชนะหุง (ความจริงทางนี้ –
นึ่ง) จึงเริ่มหล๊วง (ฉลาด)
กันขึ้นโดยเอาไม้ไผ่มาจักสานเป็นหวดขึ้นใช้หุง (นึ่ง)
ข้าวเหนียวครั้งเดียวกินได้หลายคนและหลายๆวัน ด้วยอาหารป่าที่คนเข้าไปแสวงหากันส่วนใหญ่มีหน่อไม้
, เครื่องเทศ , สมุนไพร
และล่าสัตว์เล็กๆ เช่น เก้ง , กวาง , เลียงผาฯ
นำไปข่ายแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของอย่างอื่นๆ
ที่ตนไม่มีกันนอนค้างแรมคืนหลายๆวันจึงพากันกลับ
ทั้งหวดข้าวไว้ไม่ต้องนำกลับบ้านให้หนักเปล่าๆ คนใหม่ไปพบก็ใช้นึ่งต่อได้ไม่ต้องเสียเวลาเสียเที่ยวมาฟรีๆ
โดยไม่ได้อะไรตอบแทน
นี้เองเป็นที่มาของนามตำบลนี้
ตำบลบ้านหวด ชาวท้องถิ่นเดิมทีเดียวเป็นชาวเขาชาวดอย มีร่างกายเตี้ย
เล็กแต่เดินเร็วแม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังหลงเหลือมาอยู่บ้างไม้สู้จะมากนัก ส่วนคนที่ร่างกายสูงใหญ่ที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ส่วนมากอพยพไปอยู่ภายหลังหรือเรียกว่า
“แก้วมาลูน” ทั้งนั้น
ประชากรในตำบลบ้านหวดส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม
และมีบางส่วนประกอบอาชีพค้าขาย และรับราชการ
ซึ่งประชากรในเขตตำบลบ้านหวดมีรายได้เฉลี่ยคนละ 17,506
บาท/ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น